เมนู

สุนิกขิตตวรรคที่ 7


1. จิตตลดาวิมาน


ว่าด้วยจิตตลดาวิมาน


พระมหาโมคคัลลานเถระ

ถามเทพบุตรองค์หนึ่งว่า
[75] สวนจิตรลดาเป็นวนะประเสริฐที่สุด สูง
สุดของทวยเทพชั้นไตรทศ ย่อมสว่างไสว ฉันใด
วิมานของท่านนี้ก็อุปมาฉันนั้น สว่างไสวอยู่ในอากาศ
ท่านได้เทพฤทธิ์มีอานุภาพมาก ครั้งเกิดเป็นมนุษย์
ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร ท่านจึงมี
อานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และรัศมีของท่านจึงสว่างไสว
ไปทุกทิศ.

เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว
ครั้งแล้วกพยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า

ครั้งเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในมนุษยโลก ข้าพเจ้า
เป็นคนยากจน ไม่มีที่พึ่ง ยากไร้เป็นกรรมกร เลี้ยง
ดูบิดามารดาผู้แก่เฒ่า อนึ่ง สมณะผู้มีศีลได้เป็นที่
รักของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส เมื่อบริจาค
ข้าวและน้ำ ได้ถวายทานอย่างไพบูลย์ โดยเคารพ.

เพราะบุญนั้น ข้าพเจ้าจึงมีวรรณะเช่นนี้ เพราะ
บุญนั้น ผลอันนี้จึงสำเร็จแก่ข้าพเจ้า และโภคะ
ทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ข้าพเจ้า. ฯ ล ฯ เพราะบุญ
นั้น ข้าพเจ้าจึงมีอานุภาพรุ่งเรื่องอย่างนี้ และรัศมีของ
ข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

จบจิตตลดาวิมาน

สุนิกขิตตวรรคที่ 7


อรรถกถาจิตตลดาวิมาน


จิตตลดาวิมาน มีคาถาว่า ยถา วนํ จิตฺตลตํ ปภาสติ เป็นต้น.
จิตตลดาวิมานนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ วิหารเชตวัน กรุงสาวัตถี สมัย
นั้น ในกรุงสาวัตถีมีอุบาสกคนหนึ่ง เป็นคนยากจน มีโภคะน้อย รับ
จ้างทำงานของผู้อื่นเลี้ยงชีพ เขาเป็นคนมีศรัทธาปสาทะ เลี้ยงดูมารดาบิดา
ซึ่งแก่เฒ่า เขาคิดว่า ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงมีสามีมักแสดงตัวเป็นใหญ่ ที่
ประพฤติให้ถูกใจแม่ผัวพ่อผัว หายาก หลีกเลี่ยงความร้อนใจของบิดา
มารดาจึงไม่แต่งาน เลี้ยงดูท่านเสียเอง รักษาศีลถืออุโบสถ ให้ทานตาม
กำลังทรัพย์ ต่อมาเขาทำกาลกิริยาตายไปบังเกิดในวิมาน 12 โยชน์
ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ท่านพระมหาโมคคัลลานะไปสวรรค์ตามนัยที่กล่าว
แล้วในหนหลัง ได้สอบถามเทพบุตรนั้นถึงกรรมที่ทำไว้ ด้วยคาถา
เหล่านี้ว่า
สวนจิตรลดาเป็นสวนประเสริฐที่สุด สูงสุด
ของทวยเทพชั้นไตรทศ ย่อมสว่างไสวฉันใด วิมาน
ของท่านนี้ก็อุปมาฉันนั้น สว่างไสวอยู่ในอากาศ ท่าน
ได้เทพฤทธิ์มีอานุภาพมาก ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่าน
ได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพ